ความแตกต่างระหว่างโคยะกิเระประเภทที่หนึ่งสองและสาม

เมื่อพูดถึงโชโด (ศิลปะการเขียนอักษรญี่ปุ่น) แบบคานะ สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้คือ “โคยะกิเระ (Koyagire)” ซึ่งเป็นตัวอย่างงานเขียนโบราณที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ด้วยลายเส้นที่งดงามและความละเมียดละไมของบทกวีนิพนธ์ญี่ปุ่นแบบวะกะ โคยะกิเระยังคงเป็นที่รักของนักเขียนและนักชื่นชมงานศิลป์มาจนถึงปัจจุบัน

แต่ทราบหรือไม่ว่า โคยะกิเระไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่แบ่งออกเป็นสามประเภท โดยแต่ละประเภทมีสไตล์การเขียนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน บทความนี้จะอธิบายว่าโคยะกิเระคืออะไร และชี้แจงความแตกต่างระหว่างประเภทที่หนึ่ง สอง และสามอย่างเข้าใจง่าย

โคยะกิเระคืออะไร? ── ยอดแห่งคัมภีร์คานะในสมัยเฮอัน

“โคยะกิเระ” หมายถึงเศษหน้ากระดาษของต้นฉบับบทกวีนิพนธ์โบราณ “โคคินวะกะชู (古今和歌集)” ซึ่งถูกคัดลอกในช่วงกลางยุคเฮอัน (ค.ศ. 900) ด้วยลายมือคานะอันงดงาม ผลงานเหล่านี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบของวัฒนธรรมคานะในโชโดญี่ปุ่น

แม้แต่เดิมจะเป็นหนังสือเล่มเดียว แต่ได้ถูกแยกออกเป็นส่วน ๆ ในช่วงเวลา และบางชิ้นได้ถูกรักษาไว้ในภูเขาโคยะ (高野山) จังหวัดวากายามะ จึงได้ชื่อว่า “โคยะกิเระ”

ปัจจุบัน โคยะกิเระที่หลงเหลืออยู่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท โดยแต่ละประเภทมีลักษณะการเขียนที่โดดเด่นและต่างกันไป กลายเป็นจุดสนใจสำคัญในประวัติศาสตร์โชโด

โคยะกิเระประเภทที่หนึ่ง ── ความงามแห่งระเบียบและความนิ่ง

ลักษณะการเขียน

ประเภทแรกมีลายเส้นที่สมดุล สงบนิ่ง และมั่นคง ตัวอักษรมีขนาด ความสูง และระยะห่างที่สม่ำเสมอ แสดงถึงความเรียบร้อยและความงามแบบคลาสสิก

ผู้เขียน (คาดการณ์)

แม้จะไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นใคร แต่คาดว่าอาจเป็นศิลปินในสายของฟูจิวาระ โนะ ยุกินาริ ซึ่งมีทักษะสูง ลายเส้นอ่อนนุ่มแต่เปี่ยมด้วยแรงตึง ให้ความรู้สึกถึง “รูปแบบที่เป็นอุดมคติของคานะ”

คุณค่าในงานศิลป์

ถึงแม้จะเหมาะแก่ผู้เริ่มต้นศึกษา แต่ภายในยังแฝงด้วยความซับซ้อน เช่น ความแตกต่างเล็กน้อยในขนาดตัวอักษรหรือการไหลของลายเส้น เป็นแบบฝึกหัดที่รวมพื้นฐานและความลึกซึ้งไว้ด้วยกัน

โคยะกิเระประเภทที่สอง ── จังหวะอิสระและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

ลักษณะการเขียน

เมื่อเทียบกับประเภทที่หนึ่ง ประเภทที่สองมีความเคลื่อนไหวอย่างอิสระ และมีพลัง ตัวอักษรอาจจะดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความไหลลื่นและการเชื่อมโยงต่อเนื่อง สร้างความรู้สึกเคลื่อนไหวให้ผู้ชม

ผู้เขียน (คาดการณ์)

ไม่ทราบแน่ชัดเช่นกัน แต่มีแนวโน้มว่าเป็นผู้เขียนที่ให้ความสำคัญกับการแสดงออกเชิงอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติ ลายเส้นสะท้อนพลังและความรู้สึกฉับพลันได้ชัดเจน ตรงข้ามกับความสงบของประเภทที่หนึ่ง

คุณค่าในงานศิลป์

แม้จะดูสับสนในตอนแรก แต่โครงสร้างที่ละเอียดอ่อนและการแสดงอารมณ์อย่างชำนาญทำให้ประเภทนี้เป็นแบบเรียนที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ระดับกลางขึ้นไป

โคยะกิเระประเภทที่สาม ── จุดสูงสุดแห่งความรู้สึกและความว่าง

ลักษณะการเขียน

ประเภทที่สามมีลายเส้นที่ไหลลื่นและงดงาม ความงามไม่ได้อยู่แค่ในตัวอักษร แต่แฝงอยู่ใน “ช่องว่าง” ระหว่างตัวอักษรและจังหวะการเขียน ทำให้เกิดความรู้สึกเชิงกวีที่ลึกซึ้ง

ผู้เขียน (คาดการณ์)

ไม่ปรากฏนาม แต่จากทักษะที่แสดงให้เห็น คาดว่าเป็นนักเขียนที่มีความเชี่ยวชาญสูง เป็นลายเส้นที่เปี่ยมด้วยความรู้สึก เสมือนบทกวีได้หลั่งไหลผ่านพู่กัน

คุณค่าในงานศิลป์

ถือเป็นสุดยอดแห่งความงามของโคยะกิเระ และถูกยกย่องว่าเป็น “อัญมณีแห่งคานะ” แม้ในปัจจุบัน นักเขียนโชโดยังคงฝึกเขียนเลียนแบบโคยะกิเระประเภทที่สามเพื่อเรียนรู้เรื่อง “ช่องว่าง” “ลมหายใจ” และ “ความรู้สึก”

เปรียบเทียบทั้งสามประเภท (สรุป)

ประเภทลักษณะความประทับใจ
ประเภทที่หนึ่งเรียบร้อย สมดุลความมั่นคงและความงามแบบมีระเบียบ
ประเภทที่สองมีชีวิตชีวา โดดเด่นความอิสระและการเปลี่ยนแปลง
ประเภทที่สามไหลลื่น มีอารมณ์ความงามของช่องว่างและอารมณ์

ทำไมโคยะกิเระจึงยังคงดึงดูดผู้คนในปัจจุบัน?

โคยะกิเระไม่ใช่เพียงแค่ “แบบฝึกหัดการเขียน” แต่คือบทเรียนศิลปะที่สอนให้เข้าใจถึง “ความลึกของการแสดงออก” ทุกองค์ประกอบ เช่น เส้นทิศทาง โครงสร้างของตัวอักษร ระยะห่าง และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในลายเส้นนั้น ผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ จึงสามารถสะกดใจผู้คนได้นานนับพันปี

สรุป ── เริ่มต้นด้วยการเข้าใจความงามของแต่ละประเภท

โคยะกิเระคือรากฐานของศิลปะคานะ และเป็นคัมภีร์ที่ควรเรียนรู้ตลอดชีวิต

  • ประเภทที่หนึ่งสะท้อนความงามของ “รูปแบบ”
  • ประเภทที่สองแสดงความงามของ “การเคลื่อนไหว”
  • ประเภทที่สามเผยความงามของ “อารมณ์”

คุณอาจเลือกเริ่มจากประเภทใดก็ได้ แต่การศึกษาทั้งสามอย่างเปรียบเทียบกัน อาจทำให้คุณค้นพบ “ลายเส้นในอุดมคติ” ของตนเองก็เป็นได้

Comments