อาชญากรรมสามประการของศิลปะการเขียนพู่กัน: “ชูกิ (習気) · เบียวฮิทสึ (病筆) · โกบยู (誤謬)” คืออะไร?

Sponsored links

── กับดักลึกที่ผู้เรียนชอบการเขียนพู่กันทุกคนควรหลีกเลี่ยง

บทนำ: “สามประการ” คือแก่นแท้ของความบิดเบี้ยวในศิลปะการเขียนพู่กัน

ในเส้นทางการฝึกฝนศิลปะการเขียนพู่กัน ทุกคนล้วนเคยพบกำแพงบางอย่าง
“ฝีมือดีขึ้น แต่รู้สึกว่าอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง”
“สวยงาม แต่ไม่กระตุ้นหัวใจ”

นักทฤษฎีงานเขียนพู่กันแห่งจีนโบราณ ได้สรุปความแตกแยกระหว่างเทคนิคและใจไว้เป็นสามพยาธิ จึงเรียกว่า “สามประการ (三悪)” เพื่อเตือนสติ

สามประการนั้น คือ:

  1. ชูกิ (習気) — การเลียนแบบมากเกินไปจนสูญเสียเอกลักษณ์
  2. เบียวฮิทสึ (病筆) — นิสัยไม่ดีที่ฝังลึกในร่างกาย
  3. โกบยู (誤謬) — ความเข้าใจผิดพื้นฐานเกี่ยวกับแก่นแท้ของการเขียนพู่กัน

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงความผิดพลาดทางเทคนิค แต่เป็นปัญหาลึกซึ้งที่กัดกร่อนจิตวิญญาณของการเดินทางบนเส้นทางศิลปะการเขียน

ชูกิ: เมื่อนำแบบอย่างมากเกินไป หัวใจจากพู่กันหายไป

คำนิยามและตัวอย่างทั่วไป

“ชูกิ” คือสภาวะที่การฝึก การคัดลอกอักษร(臨書) กลายเป็นจุดมุ่งหมาย ยืดยืดจนไม่หลุดจากการเลียนแบบและรูปแบบการเขียนติดตายตัว

ตัวอย่างได้แก่:

  • ฝึกคัดลอกแต่โบราณบทเดียวซ้ำ ๆ
  • ทำตามสไตล์ของอาจารย์โดยไม่ไตร่ตรอง
  • หากการออกแบบมุ่งเน้นไปที่นิทรรศการและเทรนด์มากเกินไป ก็จะกลายเป็นการออกแบบที่ “ตั้งใจ” มากเกินไป

ผลที่ได้คือ หายใจ ใจ และจังหวะของผู้เขียนหายไปจากลายเส้นเลย

“ผู้ที่ติดอยู่ในชูกิ แม้ฝีมือเยี่ยมก็ไร้จิตวิญญาณ” — ซุน กั๋วถิง(孫過庭) 『ชูผู่(書譜)』

สาเหตุและกลไก

  • ความต้องการให้ดูเก่ง หรือได้รับคำชมหรือประเมินจากภายนอกมากเกินไป
  • เข้าใจผิดว่าการคัดลอกคือการจำลองโดยตรง โดยไม่ตีความใหม่
  • ขาดการศึกษาในเรื่องทฤษฎีงานเขียนและจิตวิญญาณเบื้องหลัง

โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นหรือในสภาพแวดล้อมที่เน้นงานแสดงผลงาน ชูกิมักเกิดขึ้นง่าย

วิธีเอาชนะ

  • ฝึกคัดลอกจากหลาย ๆ โบราณบท และค้นหาจิตวิญญาณร่วม
  • เปลี่ยนวัตถุประสงค์จาก “การเลียนแบบ” มาเป็น “การสนทนา” กับต้นแบบ
  • สร้างนิสัยเขียนแบบไม่เลียนใคร เช่น เขียนบันทึกประจำวันหรือจดหมาย

กล่าวคือ หยุดมองหาในภายนอก และฟังเสียงจากภายใน – นี่คือกุญแจในการหลุดพ้นจากชูกิ

เบียวฮิทสึ: นิสัยทางเทคนิคตัดขาดใจจากเส้น

เบียวฮิทสึคืออะไร?

“เบียวฮิทสึ” คือสภาวะที่นิสัยทางกายภาพ เช่น วิธีจับพู่กัน ท่าเขียน หรือการเคลื่อนไหวผิด ๆ ฝังลึกจนเขียนเส้นได้ไม่เป็นธรรมชาติ

เช่น:

  • น้ำหนักพู่กันไม่สม่ำเสมอ ทำให้เส้นแบนและไร้ชีวิต
  • จุดเริ่มต้นไม่มั่นคง และการสิ้นสุดเส้นอ่อนแอ
  • เขียนด้วยข้อมืออย่างเดียว ไม่ใช้ข้อศอกหรือไหล่

หากเรียกศิลปะการเขียนว่า “สิ่งที่หายใจได้” เบียวฮิทสึก็คือ “การเขียนที่ไร้อากาศหายใจ”

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเบียวฮิทสึ

  • ฝึกเยอะแต่ไม่เข้าใจโครงสร้างพื้นฐาน
  • ท่ายืนหรือจับพู่กันเป็นแบบตนเองไม่ถูกต้อง
  • ไม่มีผู้ชี้แนะ จึงปล่อยให้การเคลื่อนไหวผิดฝังในร่างกาย

“หากงานเขียนเจ็บไข้ พู่กันไม่ส่งผ่านพลัง และน้ำหมึกก็กลายเป็นความตาย” — จากทฤษฎีงานเขียนโบราณ

วิธีแก้: กลับสู่ “พื้นฐานของเส้น”

  • ฝึก การฝึก 8 หลักของตัว 永 (永字八法) และจุด‑เส้นพื้นฐานอย่างแม่นยำซ้ำ ๆ
  • ใช้กระจกหรือวิดีโอตรวจดูการเคลื่อนไหวของพู่กันอย่างเป็นกลาง
  • ฝึกปรับน้ำหนัก ความเร็ว และท่าทางอย่างมีวินัย

โดยเฉพาะในแต่ละเส้นเดียว เช่นการ เริ่มต้น (起筆) · ส่งเส้น (送筆) · ปิดปลายเส้น (收筆) นี่คือจุดที่เบียวฮิทสึมักเกิดขึ้น การฝึกซ้ำอย่างมีสติในขั้นตอนเหล่านี้คือหนทางฟื้นฟู “จิตพุทธ” ของงานเขียนพู่กัน

โกบยู: เมื่อแก่นแท้ของการเขียนถูกรับรู้ผิด

โกบยูคืออะไร?

“โกบยู” คือการเข้าใจผิดในคุณค่าภายในของศิลปะการเขียนพู่กัน
เมื่อแรงจูงใจเบ้ไปทางเทคนิค ตกแต่ง หรือความเพลิดเพลินทางสายตา งานเขียนนั้นจะกลายเป็น “ดีไซน์ไร้วิญญาณ”
ลักษณะที่บ่งชี้ได้ ได้แก่:

  • มองงานเขียนพู่กันเป็นเพียงตัวอักษรตกแต่ง
  • ไม่ใส่ใจในหลักการหรือประวัติศาสตร์ แต่เน้นภาพลักษณ์มากกว่า
  • มองเขียนพู่กันเป็นการแข่งขันหรือโชว์เทคนิค

ทำไมมันถึงเป็นอันตราย?

ความน่ากลัวของโกบยูอยู่ที่มันถูกมองว่าเป็นความงามที่ถูกต้อง

  • ผู้เขียนเชื่อว่าตนเองสร้างงานสวย
  • ครูหรือคนรอบข้างชมเชย
  • แม้รากฐานของงานจะเน่าเปื่อยก็ไม่รู้ตัว

โกบยูจึงเป็นโรคเรื้อรังที่มักไม่ได้รับรู้

วิธีเอาชนะ: กลับสู่ทฤษฎีและแนวคิด

  • เรียนรู้จากต้นแบบที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ เช่น ซุนกะเทย์ 『ชูผู่(書譜)』, วังซีจือ 『รันเตโจ/ลันติงจี ซู (蘭亭序)』, จือหยง 『จินเฉาเฉียนจื้อเหวิน (真草千字文)』ใน สไตล์สแควร์ และ สไตล์ตัวเขียน
  • ตั้งคำถาม “ศิลปะการเขียนคืออะไร?” ทุกวัน
  • มองหาไม่ใช่ความสามารถเทคนิค แต่เป็นเส้นที่มีพลังชีวิต

การเขียนพู่กันไม่ใช่เพียงการแสดงออก แต่มันคือ การฝึก ปรึกษา และการพัฒนาตนเอง
แม้เทคนิคจะยอดเยี่ยม หากไม่รู้แก่นแท้ ก็ไม่อาจเรียกว่างานเขียนพู่กันแท้จริง

บทสรุป: การเอาชนะสามประการคือ “การมีชีวิตในงานเขียนพู่กัน”

  • ชูกิ: การเลียนแบบที่บดบังเอกลักษณ์
  • เบียวฮิทสึ: นิสัยที่ตัดขาดร่างกายและจิตใจ
  • โกบยู: ความไม่รู้เกี่ยวกับแก่นแท้ของการเขียน

สามประการนี้ไม่ใช่แค่อุปสรรคด้านเทคนิค แต่มันคือ วิกฤตเชิงปรัชญาที่ขัดขวางเส้นทางของผู้ที่หมายจะลึกซึ้งในตัวเองและโลกผ่านศิลปะการเขียน

แต่หากเราฝ่าฟันได้ นั่นคือก้าวแรกที่เราจะพบกับตัวตนแท้และยกระดับการเขียนพู่กันให้เป็นศิลปะแห่งชีวิต

ถึงคุณผู้รักศิลปะการเขียน ขอให้วันนี้เป็นวันที่คุณเริ่มทบทวน ‘สามประการ’ และกลับคืนสู่เส้นที่มีชีวิต

Comments