ทำไมศิลปะการเขียนพู่กันจึงถูกเรียกว่า “道(เต๋า)”? ── สำรวจความแตกต่างระหว่าง“โชะโฮะ” กับ“โชะโด”

Sponsored links
  1. บทนำ: แค่เขียนอย่างเดียวไม่ใช่ “โชะโด”
  2. ความหมายของ “โชะโฮะ” และ “โชะโด”
    1. โชะโฮะ: กฎเกณฑ์ในการใช้พู่กันและโครงสร้างตัวอักษร
    2. โชะโด: เส้นทางที่แสวงหาจิตวิญญาณเหนือเทคนิค
  3. จากโชะโฮะสู่โชะโด: การพัฒนาทางประวัติศาสตร์
    1. ประเทศจีน: ระบบโชะโฮะและการเกิดของแนวคิดศิลปะ
    2. ประเทศญี่ปุ่น: จากเทคนิคสู่เส้นทางแห่งวัฒนธรรม
  4. ทำไมต้องเป็นโชะโด ไม่ใช่แค่โชะโฮะ? ── 5 เหตุผลสำคัญ
    1. เหตุผลที่ 1: “การเขียน” คือศิลปะที่สะท้อนจิตใจ
    2. เหตุผลที่ 2: แนวคิด “道(เต๋า)” จากปรัชญาตะวันออก
    3. เหตุผลที่ 3: การปฏิบัติจริงฝึกจิต
    4. เหตุผลที่ 4: บ่มเพาะนิสัยผ่านการเขียน
    5. เหตุผลที่ 5: ลึกซึ้งจนศึกษาได้ตลอดชีวิต
  5. ประสบการณ์แบบ “道(เต๋า)” ที่อยู่ในโชะโด
    1. เวลาที่ฝนหมึก กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความว่างเปล่า
    2. ระหว่างที่เขียน จะเริ่มสังเกต “สภาวะของจิตใจตนเอง”
    3. ก้าวข้ามคำว่า “เก่ง / ไม่เก่ง” แล้วต้องการ “ใส่จิตวิญญาณลงในเส้น”
  6. การเรียนโชะโด คือการเรียนรู้ตัวเอง
  7. บทส่งท้าย: เริ่มจากโชะโฮะ แล้วเดินไปบนเส้นทางแห่งโชะโด

บทนำ: แค่เขียนอย่างเดียวไม่ใช่ “โชะโด”

ในชีวิตประจำวัน เราเขียนตัวอักษรกันอยู่เสมอ แต่ไม่เคยเรียกมันว่า “โชะโด” แม้ว่าเราจะใช้พู่กันกับหมึกในการเขียน หากขาดซึ่งจิตวิญญาณและหลักการ ศิลปะนั้นก็ยังคงอยู่ในระดับ “โชะโฮะ” หรือเทคนิคการเขียนเท่านั้น

โชะโดไม่ใช่แค่ “การเขียนตัวอักษรให้สวย” แต่เป็นการฝึกฝนตัวตน แนวคิดในการดำเนินชีวิต และจิตใจในระดับลึก เราจะมาสำรวจว่าเหตุใดโชะโดจึงถือเป็น “道(เต๋า)” ผ่าน 5 มุมมอง: ประวัติศาสตร์, แนวคิด, การปฏิบัติ, ศิลปะ และวัฒนธรรม

ความหมายของ “โชะโฮะ” และ “โชะโด”

โชะโฮะ: กฎเกณฑ์ในการใช้พู่กันและโครงสร้างตัวอักษร

คำว่า “โชะโฮะ” (書法) ใช้กันมาตั้งแต่โบราณในประเทศจีน เพื่ออธิบายทฤษฎีในการเขียน เช่น:

  • เทคนิคการใช้พู่กัน
  • การจัดองค์ประกอบของตัวอักษร
  • การวางตำแหน่งบนกระดาษ (章法)

ตัวอย่าง:

  • หลักแปดวิธีจากตัว 永
  • ลำดับการเขียนเส้น
  • การใช้พู่กันตรง (中鋒) และพู่กันเฉียง (側鋒)
  • การจัดสมดุลของตัวอักษร
  • การใช้พื้นที่ (ห่าง-แน่น, ใหญ่-เล็ก)

สิ่งเหล่านี้คือรากฐานของเทคนิค และเป็น “แบบ” ที่ใช้ฝึกเขียนในเบื้องต้น

โชะโด: เส้นทางที่แสวงหาจิตวิญญาณเหนือเทคนิค

“โชะโด” (書道) เป็นคำที่แพร่หลายในญี่ปุ่น โดยหมายถึง “เส้นทางแห่งการฝึกฝนตนเองตลอดชีวิตผ่านการเขียนพู่กัน” เช่นเดียวกับ:

  • 剣道 (เคนโด)
  • 茶道 (ชะโด)
  • 華道 (คะโด)

โชะโดคือการแสวงหาทางจิตวิญญาณผ่านศิลปะ ไม่ใช่แค่เขียนเก่ง แต่รวมถึงการขัดเกลาตัวตนและการสะท้อนจิตใจผ่านลายเส้น

จากโชะโฮะสู่โชะโด: การพัฒนาทางประวัติศาสตร์

ประเทศจีน: ระบบโชะโฮะและการเกิดของแนวคิดศิลปะ

ในจีน โชะโฮะได้รับการพัฒนาโดยปรมาจารย์อย่าง หวังซีจือ, เอียนเจินฉิง, และโอวหยางชุน พวกเขาวางหลักการเรื่องจังหวะพู่กัน ความงามของเส้น และองค์ประกอบ

แต่ยังคงอยู่ในกรอบของ “ความงามที่เป็นมาตรฐาน” จิตวิญญาณแบบ “道(เต๋า)” เริ่มเบ่งบานเมื่อได้รับอิทธิพลจากลัทธิขงจื๊อ พุทธ และเต๋า

ในงานเขียน Shupu โดย ซุนกัวถิง กล่าวว่า “การเขียนคือภาพวาดของใจ”

ประเทศญี่ปุ่น: จากเทคนิคสู่เส้นทางแห่งวัฒนธรรม

ในญี่ปุ่น หลังจากการนำอักษรจีนมาใช้ในช่วงสมัยนาราและเฮอัน อักษรจีนจึงถูกนิยามใหม่ให้เป็น “เส้นทางแห่งวินัยในตนเอง” คล้ายกับต่อไปนี้:

  • พิธีชงชา
  • การจัดดอกไม้
  • โคโดะ
  • เคนโดะ
  • บูชิโด
  • โช

โช (อักษรจีน) ก็ถูกนิยามใหม่ให้เป็น “เส้นทางแห่งวินัยในตนเอง” เช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการศึกษาอักษรจีนสมัยใหม่ มีการใช้วลีเช่น “เริ่มต้นและสิ้นสุดด้วยความสุภาพ” และ “พู่กันสะท้อนหัวใจ” และคำว่า “โชโดะ” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาที่ครอบคลุมซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนาบุคลิกภาพ

ทำไมต้องเป็นโชะโด ไม่ใช่แค่โชะโฮะ? ── 5 เหตุผลสำคัญ

เหตุผลที่ 1: “การเขียน” คือศิลปะที่สะท้อนจิตใจ

คำพูดคลาสสิกเช่น “การเขียนคือภาพใจ” แสดงให้เห็นว่าลายเส้นไม่ใช่แค่เส้น แต่เผยอารมณ์และจิตใจของผู้เขียน เช่น:

  • โกรธ → เส้นรุนแรง
  • เครียด → เส้นสั่นและแข็ง
  • สงบ → เส้นอ่อนโยนและมั่นคง

การฝึกเขียนจึงเป็นการฝึกจิตใจด้วย

เหตุผลที่ 2: แนวคิด “道(เต๋า)” จากปรัชญาตะวันออก

ใน 『道徳経』 ของเล่าจื๊อ กล่าวไว้ว่า “道 คือสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้” หมายถึงความจริงสูงสุดและเส้นทางสู่การบรรลุตนเอง

โชะโดจึงเป็นการเดินทางแห่ง “道(เต๋า)” ผ่านพู่กัน

เหตุผลที่ 3: การปฏิบัติจริงฝึกจิต

กิจกรรมที่พบในโชะโด เช่น:

การปฏิบัติความหมาย
นั่งหลังตรงปรับสมาธิและลมหายใจ
บดหมึกปล่อยใจให้ว่าง
ควบคุมลมหายใจเติม “จิต” ลงในเส้น
ใส่ใจในแต่ละเส้นเขียนด้วยจิตวิญญาณ

ทั้งหมดคล้ายกับการฝึกเซ็นหรือศิลปะการต่อสู้

เหตุผลที่ 4: บ่มเพาะนิสัยผ่านการเขียน

ในโรงเรียนญี่ปุ่น นักเรียนเริ่มจาก “การคัดลายมือ” และพัฒนาเป็น “โชะโด” ในชั้นสูง

ครูมักกล่าวว่า:

  • “เส้นนี้แสดงอารมณ์เธอเลยนะ”
  • “ใจเย็นๆ เส้นลนจะมองออก”
  • “ใส่ใจให้มากกว่านี้”

นี่คือการศึกษาเชิงจิตใจผ่านตัวอักษร

เหตุผลที่ 5: ลึกซึ้งจนศึกษาได้ตลอดชีวิต

โชะโดไม่ได้จบที่เทคนิค เมื่อเข้าใจรูปแบบ (โชะโฮะ) แล้ว จึงเริ่มพัฒนา “ลายเซ็นต์ทางศิลปะ” ของตน

ผู้สูงวัยเขียนเส้นที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่วัยหนุ่มสาวยังให้ไม่ได้ นี่คือศิลปะที่เติบโตไปตามชีวิต

ประสบการณ์แบบ “道(เต๋า)” ที่อยู่ในโชะโด

เมื่อได้ฝึกฝนศิลปะการเขียนพู่กัน ทุกคนจะต้องได้สัมผัสกับ “ประสบการณ์แห่งวิถี” ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น:

เวลาที่ฝนหมึก กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความว่างเปล่า

  • กลิ่นของหมึกช่วยลบเสียงรบกวนในใจ
  • จิตใจสงบลง และสมาธิเพิ่มขึ้นอย่างลุ่มลึก

ระหว่างที่เขียน จะเริ่มสังเกต “สภาวะของจิตใจตนเอง”

  • หากเส้นลายมือสั่นไหว ก็จะรู้ตัวว่า “เรากำลังเร่งรีบ”
  • หากเส้นเรียบมั่นคง ก็จะสัมผัสได้ว่า “วันนี้จิตใจสงบนิ่ง”

ก้าวข้ามคำว่า “เก่ง / ไม่เก่ง” แล้วต้องการ “ใส่จิตวิญญาณลงในเส้น”

  • ตัวอักษรเพียงหนึ่งตัวที่เขียน อาจสะกิดใจใครบางคน
  • แม้แต่ตนเอง ก็อาจน้ำตาไหลเมื่อมองอักษรที่ตนเขียนขึ้น

ทั้งหมดนี้ คือการเดินทางของจิตวิญญาณผ่านเส้นพู่กัน
ซึ่งเรียกว่า “書道 (โชโด)” หรือ “วิถีแห่งการเขียน”

  • ในยุคปัจจุบัน ศิลปะการเขียนพู่กันได้รับความสนใจในฐานะเครื่องมือในการลดความเครียดและฝึกสติ (mindfulness)
  • ฝนหมึกอย่างเงียบสงบ
  • เขียนโดยไม่พูด
  • ควบคุมลมหายใจให้เป็นจังหวะ
  • ให้จิตใจกับปลายพู่กันหลอมรวมเป็นหนึ่ง

นี่คือ “เซนที่เคลื่อนไหว” หรือ “การทำสมาธิผ่านการเขียน”
เป็นเครื่องมือที่มีความหมายต่อจิตใจของคนยุคใหม่เช่นกัน

การเรียนโชะโด คือการเรียนรู้ตัวเอง

การเรียนโชะโดไม่ใช่เพื่อ “เขียนให้สวย” แต่เพื่อ “ดำรงอยู่ให้สวยงาม”

ปลายพู่กันไม่ได้แตะหมึกหรือกระดาษเพียงอย่างเดียว แต่แตะ “จิตใจ” ของเราเอง

  • การฝึกซ้ำคือการสนทนากับตนเอง
  • องค์ประกอบที่ลงตัวคือการรวมกันของเหตุผลและอารมณ์
  • ปล่อยพู่กันคือสภาวะของจิตที่สงบที่สุด

นี่คือ “วิถี (道)” และการฝึกฝนตลอดชีวิต

บทส่งท้าย: เริ่มจากโชะโฮะ แล้วเดินไปบนเส้นทางแห่งโชะโด

เริ่มต้นจาก “โชะโฮะ” ซึ่งเป็นแบบแผน
แล้วมุ่งไปสู่ “โชะโด” ซึ่งเป็นเส้นทางแห่งจิตใจ

เมื่อเทคนิคบรรจบกับจิตวิญญาณ กฎเกณฑ์รวมเข้ากับอิสระ ตัวเราก็เชื่อมโยงกับจักรวาล

ตั้งแต่วันนี้ ลองค้นหา “道(เต๋า)” ของคุณจากปลายพู่กันเพียงเส้นเดียว

Comments