คานะเป็นวรรณกรรมแห่งอารมณ์— ความสัมพันธ์ระหว่างวะกะกับงานเขียน

Sponsored links

บทนำ | คานะ: ไม่ใช่แค่ “อักษร” แต่คือ “บทกวี”

การประดิษฐ์อักษรคานะไม่ใช่เพียงการบันทึกอักษร แต่เป็นวรรณกรรมที่ถ่ายทอดอารมณ์และสุนทรียะของชาวญี่ปุ่นออกมาให้เห็นผ่านสายตา โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างวะกะกับคานะที่ลึกซึ้ง เสียง ความเว้นจังหวะ จังหวะทำนอง และอารมณ์ของวะกะปรากฏเป็นเส้นลายพู่กัน งานเขียนจึงกลายเป็นบทกวี และบทกวีก็ได้รับชีวิตผ่านเส้นสายเหล่านั้น

ตัวอักษรคานะและวัฒนธรรมวะกะที่พัฒนาขึ้นในสมัยเฮอันได้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน สร้างสรรค์สุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นแท้ๆ เช่น ยูเง็น (ความลุ่มลึก), มา (ความงามของช่องว่าง), ซาบิ (ความงามแบบเรียบง่าย), และโมโนโนะอะวาเระ (ความรู้สึกต่อความเปลี่ยนแปลง) ให้ยิ่งลึกซึ้งขึ้น

วะกะ: ศิลปะแห่งอารมณ์ที่ฝากไว้ใน “ภาชนะ” ชื่อคานะ

วะกะเป็นบทกวีสั้นที่มี 31 พยางค์ในโครงสร้าง 5-7-5-7-7 แม้จะมีรูปแบบสั้น แต่ก็สามารถกลั่นกรองอารมณ์ต่างๆ ของชีวิต เช่น ความรัก การจากลา ธรรมชาติ และคำอธิษฐาน ได้อย่างลึกซึ้ง

ตัวอักษรคานะถูกเลือกเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดวะกะ เนื่องจากเป็น “อักษรแสดงเสียง” ที่สามารถถ่ายทอดเสียงออกมาได้โดยตรง พร้อมทั้งใช้เส้นที่นุ่มนวลและมีจังหวะไหลลื่นในการแสดงอารมณ์อย่างสมบูรณ์

“ร่องรอยแห่งอารมณ์” ในโคยะงิเระ

หนึ่งในงานเขียนคานะโบราณที่สำคัญคือ โคยะงิเระฉบับที่หนึ่ง ซึ่งถือเป็นต้นแบบของคานะในฐานะวรรณกรรมแห่งอารมณ์ สไตล์การเขียนในนี้แสดงออกถึง “ความรู้สึก” ที่ซ่อนอยู่ในวะกะ ผ่านความเร็วของพู่กัน ความหนาบางของเส้น การเว้นวรรค และการเชื่อมโยงของตัวอักษรอย่างละเอียดอ่อน

โดยเฉพาะฉบับที่หนึ่ง มีความสง่างาม อ่อนช้อย แต่ก็แฝงด้วยความหลงใหลและความอ่อนไหว เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับนักประดิษฐ์อักษรคานะ

การผสานกันของบทกวีและงานเขียน: ถ่ายทอด “เสียงกังวาน” ผ่าน “เส้น”

วะกะเดิมทีเป็นบทกวีที่ใช้ขับร้อง อารมณ์จึงถ่ายทอดผ่านจังหวะและน้ำเสียงของผู้กล่าว คานะจึงพยายามแสดง “เสียงสะท้อน” เหล่านั้นผ่านเส้นลาย

ตัวอย่างเช่น:

  • การเว้นระยะและตัดแต่ละตัวอย่างตั้งใจ แสดงถึงความงามของความเงียบและช่องว่าง
  • การเขียนแบบเชื่อมต่อ (連綿) แสดงถึงลมหายใจและความรู้สึกที่ต่อเนื่อง

ส่วนที่พู่กันกดแรงจะแสดงถึงความรู้สึกที่ปะทุขึ้น เส้นที่บางและยาวจะแสดงถึงความเศร้าและความลังเล คานะจึงกลายเป็นการมองเห็นอารมณ์ด้วยตา — เป็นวรรณกรรมอย่างแท้จริง

จุดตัดของวรรณกรรมและการเขียนใน “วะกันโรเอชู”

“วะกันโรเอชู” เป็นผลงานคลาสสิกที่เชื่อกันว่าเขียนโดยฟูจิวาระ โนะ ยุกินาริ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างคานะและวะกะอย่างลึกซึ้ง โดยบทกวีจีนและวะกะถูกนำเสนอคู่กัน พร้อมกับการผสมผสานอย่างงดงามของตัวอักษรคานะและคันจิ

ส่วนที่เป็นคานะ มักจะไหลลื่น อ่อนนุ่ม และแสดงอารมณ์ของบทกวีได้ชัดเจน ลายพู่กันนั้นเชื่อมต่ออารมณ์ของผู้เขียนกับจังหวะภายในใจ กลายเป็นประสบการณ์ที่ “ลิ้มรสงานเขียน” ไม่ใช่แค่อ่าน

คานะเกิดจากวัฒนธรรมของผู้หญิง — การแสดงอารมณ์และภายใน

การเกิดและพัฒนาของคานะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการแสดงออกของผู้หญิงอย่างลึกซึ้ง ในสังคมขุนนางเฮอัน ผู้หญิงไม่ได้ใช้คันจิ แต่ใช้คานะในการเขียนวะกะและนิยาย

ในวรรณกรรมของผู้หญิง เช่น “มาคุระโนะโซชิ” และ “เก็นจิโมโนกาตาริ” ความรู้สึกละเอียดอ่อนและซับซ้อนถูกฝากไว้ในเส้นที่อ่อนโยนของคานะ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกร่วมลึกซึ้ง

ในกระแสดังกล่าว คานะกลายเป็นตัวแทนของความอ่อนโยนและความสง่างามแบบผู้หญิง ยกระดับเป็น “วรรณกรรมแห่งอารมณ์”

การค้นพบใหม่ของวะกะและคานะในคานะสมัยใหม่

ในคานะสมัยใหม่ การเขียนวะกะคลาสสิกไม่ใช่การลอกเลียนแบบ แต่คือการสนทนาอารมณ์ผ่านกาลเวลา ทุกองค์ประกอบ เช่น สีของหมึก การจัดวางพื้นที่ และความไหลลื่นของเส้น ล้วนต้องสอดคล้องกับภาพในบทกวี

ในงานนิทรรศการต่างๆ การจัดองค์ประกอบสมัยใหม่กับคานะถูกรวมเข้าไว้ด้วยกัน วะกะโบราณถูกตีความใหม่อย่างมีมิติ แสดงถึงความเป็นไปได้ของคานะในฐานะวรรณกรรมอารมณ์แม้ในปัจจุบัน

สรุป | เมื่อบทกวีที่ถูกเขียนกลายเป็นมากกว่าบทกวี

วะกะและคานะเป็นจุดที่ถ้อยคำและเส้นลายพู่กันตัดกัน เป็นสถานที่ที่อารมณ์ได้กลายเป็นรูปทรง แม้ไม่เปล่งเสียง ก็ยังรู้สึกได้ถึงความสะเทือนใจ และคลื่นอารมณ์ที่ไหวบนกระดาษ นี่คือแก่นแท้ของคานะ

การเรียนคานะ ไม่ใช่แค่ไล่ตามความงามของเส้น แต่เป็นการมีมุมมองของกวีที่รับฟังอารมณ์ของมนุษย์

คานะคืออักษรที่ไม่ได้ “อ่าน” แต่เพื่อ “รู้สึก”
คานะคือวรรณกรรมของจิตวิญญาณ

Comments